ความเชื่อและความศรัทธา › ตำนานและประวัติผีปอป

ผีปอบ (Pop) เป็นหนึ่งในภูตผีพื้นบ้านของไทยที่มีชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะในภาคอีสานและภาคเหนือ คนไทยเชื่อกันว่าผีปอบคือ ดวงวิญญาณเร่ร่อน หรือ วิญญาณร้าย ที่อาศัยอยู่ในร่างของคน และมีพฤติกรรม กินเครื่องในมนุษย์หรือสัตว์ เป็นอาหารเพื่อดำรงชีวิต
ปอบมีลักษณะเหมือนคนธรรมดาในยามปกติ แต่เมื่อถึงเวลาหิวจัดหรือเวลากลางคืน วิญญาณของปอบจะออกจากร่างเพื่อหาเหยื่อ สิ่งที่ปอบต้องการคือ ตับ ไต ไส้ พุง ของมนุษย์หรือสัตว์เล็ก บางตำนานเล่าว่า ปอบสามารถเข้าสิงร่างของคนอื่นได้ และแพร่พันธุ์โดยการ "ถ่ายทอด" ไปยังผู้อื่นผ่านพิธีกรรม

เล่ากันว่าบางคนเรียนเวทมนตร์สายดำหรือไสยศาสตร์ แต่เมื่อผิดครู (ผิดสัจจะที่ให้ไว้กับครูบาอาจารย์) วิชาเหล่านั้นจะแปรเปลี่ยนกลายเป็น "ปอบ" วิญญาณปอบจึงเข้าสิงร่างของผู้ผิดครูนั้น และสืบต่ออยู่ไปเรื่อยๆ

บางตำนานบอกว่าคนที่มีความโลภมาก อยากได้ของวิเศษหรืออำนาจ แต่ทำผิดกฎแห่งกรรมจึงถูกสาปให้กลายเป็นผีปอบไปตลอดชีวิต

อีกแนวคิดหนึ่งคือ เชื่อว่าคนที่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือเบียดเบียนผู้อื่นมากในอดีตชาติ กลับมาเกิดใหม่แล้วต้องรับกรรมเป็นปอบ

ในสังคมโบราณ มีวิธีหลายแบบในการ "ตรวจสอบ" ว่าใครเป็นปอบ เช่น
ใช้พิธีกรรมทางไสยศาสตร์ เช่น การทำพิธีเข้าทรง
ใช้หมอผีหรือหมอธรรม (หมอพื้นบ้าน) ตรวจสอบ
ใช้การสังเกตอาการ เช่น ผู้ที่ร่างกายซูบผอมผิดปกติ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม อาจถูกสงสัยว่าเป็นปอบ
ในบางพิธี มีการทำ "ขันธ์ 5" หรือใช้พระเวทขับไล่ปอบออกจากร่าง

แม้ว่าสังคมไทยปัจจุบันจะมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ แต่ในชนบทหลายแห่งยังมีความเชื่อเรื่องปอบอยู่ ปัจจุบันมักมีข่าวเกี่ยวกับ "หมู่บ้านผีปอบ" เช่น การไล่ผี ไล่ปอบ หรือการเชิญหมอผีมาทำพิธีขับไล่ บางพื้นที่มีการจัด "พิธีกรรมขับปอบ" เพื่อความสบายใจของชุมชน แม้จะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
ผีปอบ คือการสะท้อนความกลัวในสังคมโบราณเกี่ยวกับสิ่งเร้นลับและการผิดศีลธรรม
แม้ปัจจุบันจะถือว่าเป็นตำนานพื้นบ้าน แต่ผีปอบก็ยังคงมีบทบาทในความเชื่อ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมท้องถิ่นของไทยอยู่เสมอ